Ulcefate Suspension อัลซีเฟต
สำหรับรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก และอาจช่วยป้องกันภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารจากความเครียดได้ โดยตัวยาจะเคลือบไม่ให้แผลสัมผัสกับกรดหรือเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร
รักษาโรคกรดไหลย้อน ใช้ป้องกันและรักษาอาการเยื่อบุทางเดินอาหารและหลอดอาหารอักเสบ ป้องกันการกลับเป็นซ้ำของแผลที่กระเพาะและลำไส้ส่วนดูโอดีนั่ม
สอบถาม สั่งซื้อ line :
@ryupharmacy (มี @ นำหน้า) หรือ
กดที่ปุ่มด้านล่างได้เลยคะ
สั่งซื้อ 2 ชิ้นขึ้นไป หรือ ราคาส่ง ติดต่อทาง line ได้เลยคะ
ปริมาณการใช้
ผู้ใหญ่ รับประทานยา 1 กรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหาร 3 มื้อ และก่อนนอน หรือรับประทานยา 2 กรัม วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหารเช้าเย็น ติดต่อกัน 4–8 สัปดาห์ แล้วอาจเพิ่มถึง 12 สัปดาห์ ตามดุลยพินิจของแพทย์ จากนั้น ใช้ยาต่อเนื่องที่ปริมาณ 1 กรัม วันละ 2 ครั้ง เพื่อป้องกันภาวะกระเพาะอาหารอักเสบ และการเกิดแผลในกระเพาะอาหารซ้ำ ปริมาณยาสูงสุดรับประทานไม่เกินวันละ 8 กรัม
การใช้
• ผู้ป่วยควรอ่านฉลากยาทุกครั้งก่อนใช้ยา และปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามปรับปริมาณยาด้วยตนเอง หรือรับประทานยานานเกินกว่าระยะเวลาที่แพทย์กำหนด
• ให้รับประทานยา Sucralfate ในขณะท้องว่าง โดยรับประทานก่อนมื้ออาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือหลังมื้ออาหาร 2 ชั่วโมง
• รับประทานยาให้ครบและติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอตาม ที่แพทย์แนะนำ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของยา ไม่ควรหยุดใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ แม้จะรู้สึกว่าอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เนื่องจากแผลอาจยังไม่หายดี
• กรณีที่ลืมรับประทานยาในเวลาที่กำหนด เมื่อนึกได้ให้รับประทานยาทันที แต่หากใกล้เวลารับประทานยารอบถัดไป ให้ข้ามไปรับประทานยาตามเวลาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มปริมาณยา
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาชนิดอื่น ๆ ก่อนหรือหลังรับประทานยา Sucralfate อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะยานี้อาจส่งผลกระทบต่อการดูดซึมยาบางชนิด ทำให้ยาออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่
• หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดกรดอื่น ๆ หากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากยาลดกรดอื่น ๆ อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยา Sucralfate ลดลง กรณีที่แพทย์แนะนำให้ใช้ยาลดกรดอื่นร่วมด้วย ให้รับประทานยาลดกรดก่อนหรือหลังรับประทานยา Sucralfate 30 นาที
• ควรเก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง ให้พ้นมือเด็ก ห่างจากความร้อน ความชื้น และแสงแดด ไม่ควรเก็บยาในช่องแช่แข็ง เพราะยาจะเสื่อมสภาพ และไม่รับประทานยาที่หมดอายุ เพราะจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย
คำเตือนในการใช้
• ผู้ที่มีประวัติการป่วยหรือการแพ้ยาใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
• ก่อน ใช้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยาชนิดอื่น ๆ วิตามิน ผลิตภัณฑ์สมุนไพร และอาหารเสริมที่กำลังรับประทาน เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
• ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
• ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยโรคไตหรือกำลังฟอกไต และผู้ที่มีปัญหาในการกลืนยาเม็ด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
• ผู้ที่กำลังให้นมบุตร ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าตัวยาจะส่งผ่านทางน้ำนมแล้วเป็นอันตรายต่อทารกหรือไม่